คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน
ความหมายของคอมพิวเตอร์
นักวิชาการหลายท่านได้กำหนดหรือนิยามความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้หลายความหมาย
แต่เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว ความหมายของคอมพิวเตอร์จะหมายถึง
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูล ประมวลผล
สื่อสารเคลื่อนย้ายข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ได้ อย่างไรก็ตามการให้นิยามความหมายของคอมพิวเตอร์นั้น
ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องจดจำหรือกำหนดไว้อย่างตายตัว
ขอให้ทราบว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะต้องมีส่วนประกอบพื้นฐาน
4 อย่างดังต่อไปนี้
– มีวงจรนำเข้า (input)
และวงจรส่งออก (output)
– มีหน่วยประมวลผลกลาง (Central
Processing Unit : CPU)
ที่ใช้ในการคำนวณทางคณิตศาสตร์และการดำเนินการทางตรรกะ
– มีหน่วยความจำที่ใช้ในการเก็บโปรแกรมและข้อมูล
– มีความสามารถในการประมวลผลชุดคำสั่ง
สิ่งใดก็ตามที่มีส่วนประกอบพื้นฐานดังต่อไปนี้ครบถ้วน
ก็ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น
ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในรูปลักษณ์ที่เราคุ้นเคยและจดจำว่านั่นคือคอมพิวเตอร์
ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันเทคโนโลยีและการสื่อสารได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์อุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาค้นคว้าและการทำธุรกิจ
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทำให้องค์กรต่างๆ
นำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาช่วยในการดำเนินงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์
การทำธุรกิจและให้บริการบนอินเตอร์เน็ต ตลอดจนการใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการทำงาน ไม่เพียงแต่ในองค์กรต่างๆ
เท่านั้นที่นำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งาน ผู้ใช้ตามบ้านโดยทั่วไป
ก็ได้จัดหาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ส่วนตัวกันมากขึ้น
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีราคาถูก แต่มีประสิทธิภาพสูง
รวมทั้งสามารถใช้งานได้ง่ายกว่าในอดีตมาก จนมีการประมาณการกันว่า
ในอนาคตคอมพิวเตอร์จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในทุกๆ
ครัวเรือนเหมือนกับเครื่องรับโทรทัศน์ ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว
การเรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับเบื้องต้น จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นในการทำงาน, การศึกษาหรือเพื่อความบันเทิง
ให้มีประสิทธิภาพและความสะดวกเพิ่มมากขึ้น
คอมพิวเตอร์มีข้อดีอย่างไร
?
มนุษย์เราจึงได้นำมาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง
ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ได้ เราต้องทราบคุณสมบัติพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เสียก่อน
ซึ่งมีอยู่ 5 ประการที่สำคัญดังนี้
1. ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic
machine)
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการบันทึกข้อมูล
ประมวลผล และแสดงผลลัพธ์
การจัดเก็บข้อมูลที่บันทึกผ่านทางแป้นพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและสามารถประมวลผลได้
และเมื่อคอมพิวเตอร์ประมวลผลเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้าจะถูกแปลงกลับให้เป็นรูปแบบที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้
2. การทำงานด้วยความเร็วสูง (speed)
เนื่องจากการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์
ดังนั้นการดำเนินงานต่างๆ จึงสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว
(มากกว่าพันล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที)
3. ความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (accuracy
and reliability)
คอมพิวเตอร์จะทำงานตามคำสั่งที่มนุษย์เขียนโปรแกรมหรือคำสั่งไว้
ถ้าผู้ใช้ป้อนข้อมูลและชุดคำสั่งมีความถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลก็จะมีความถูกต้องเชื่อถือได้
4. การเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก (storage)
คอมพิวเตอร์มีหน่วยความจำที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่บันทึกเข้าไป
ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของคอมพิวเตอร์ เช่น
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะมีหน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้านตัวอักษร
5. การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูล (communication)
คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
และสามารถทำงานที่หลากหลายมากขึ้นกว่าการใช้คอมพิวเตอร์แบบระบบเดี่ยว ตัวอย่างเช่น
การนำคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อการสืบค้นข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น
(remote
computer)
จากคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์เราจะเห็นได้ว่า
คอมพิวเตอร์สามารถทำงานหลายๆ อย่างที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ หรือถ้ามนุษย์ทำได้
ก็จะใช้เวลามากและมีข้อผิดพลาดมากมาย เช่น
การคำนวณตัวเลขหลายหลักเป็นจำนวนมากภายในเวลาจำกัด, การทำงานในแบบเดียวกันซ้ำๆ หลายล้านครั้ง
หรือการจดจำข้อมูลตัวเลขและตัวหนังสือหลายหมื่นหน้าโดยไม่มีการลืม
งานที่น่าเบื่อและยุ่งยากเหล่านี้เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนได้
โดยเรามีหน้าที่เพียงเป็นผู้สั่งการเท่านั้น
เหตุผลที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน
1.
สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar-code)
อ่านเวลาเข้า-ออก ของพนักงาน และคิดราคาสินค้า ในห้างสรรพสินค้า
2.
สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ ไว้ในฐานข้อมูล (Database) เพื่อใช้งานได้ทันที
3.
สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆ
ได้ โดย ระบบประมวลผลข้อมูล (Data
Processing)
4.
สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
โดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล (Data Communication)
5.
สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผลคำ (Word
Processing) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office
Automation)
6.
การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
7. การใช้งานธุรกิจ
งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับงานบัญชี
งานบริหารสำนักงาน งานเอกสาร งานการเงิน การจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
8.
การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ เช่น ระบบจราจร, ระบบเปิด/ปิดน้ำของเขื่อน
9.
การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ เช่น การวิเคราะห์สภาวะดินฟ้าอากาศ สภาพของดิน น้ำ
เพื่อการเกษตร
10.
การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ เช่น การจำลองในงานวิทยาศาสตร์
จำลองโมเลกุลจำลองรูปแบบ การฝึกขับเครื่องบิน
11.
การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ เช่นการเล่นเกม การดูหนัง ฟังเพลง
12.
การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล
เกิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
บทบาทของคอมพิวเตอร์
1. บทบาทคอมพิวเตอร์ต่องานด้านการศึกษาในสถานศึกษาต่าง ๆ
ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน
3 ลักษณะ
คือ
– ใช้สำหรับผู้เรียนเพื่อค้นหาความรู้หรือข้อมูลที่สนใจจากแหล่งความรู้ต่างๆ
เช่น
การใช้คอมพิวเตอร์-ช่วยสอน และ E-Learning
– ใช้สำหรับผู้สอนเพื่อเป็นสื่อในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน
เช่น การคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับโปรเจคเตอร์เพื่อนำเสนอข้อมูล
– ใช้สำหรับงานด้านการบริหาร
เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา
เช่น การจัดเก็บข้อมูล
เกี่ยวกับสถานศึกษาและผู้เรียน การประมวลผลคะแนนของผู้เรียน
2. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านการสื่อสาร
ในปัจจุบันนิยมเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์เพื่อใช้ร่วมกันหลาย
ๆเครื่องจนเกิดเป็นเครือข่ายโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ครอบคลุมทั่วโลกเรียกว่าอินเตอร์เน็ต
ทำให้คอมพิวเตอร์มีความสารถในการทำงานมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถทางด้านการติดต่อสื่อสารซึ่งไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อความเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่สามารถส่งข้อมูลในรูปแบบ ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายในรูปแบบของมัลติมีเดีย เช่น
การดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ
3. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านการบริหารประเทศ
รัฐบาลมีนโยบาย
ที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการบริหารประเทศในด้านต่าง ๆ
เพื่อให้เกิดการบริหารงานที่มีลักษณะเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มความโปร่งใส
และลดปัญหาการคอรัปชันของหน่วยงานทางราชการโดยสามารถแบ่งลักษณะของการทำงานเป็นการบริการประชาชน
การรับและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างประชาชน กับรัฐบาล
และการติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐบาล เช่น
การชำระภาษีกับ กรมสรรพากรผ่านทางเว็บไซต์
4. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านสังคมศาสตร์
มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเก็บข้อมูลและช่วยทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมศาสตร์ในด้านต่าง
ๆ
ช่วยให้เราทราบข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นอยู่ในสังคมได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น
การจัดทำสถิติในรูปแบบของกราฟประชากร
5.
บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานด้านวิศวกรรม
มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ด้านวิศวกรรมในเกือบทุกขั้นตอนของการทำงาน เพื่อช่วยส่งเสริมการทำงานที่ได้มาตรฐานระดับสากลและส่งเสริมความคิด
สร้างสรรค์ของผู้สร้างสรรค์งานด้านวิศวกรรม
6.
บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านวิทยาศาสตร์
มีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
เพื่อใช้เก็บข้อมูลและส่งเสริมการทำงานให้แม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตรวจสอบส่วนประกอบของธาตุ
7. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านการแพทย์
การที่แพทย์มีเครื่องมือที่ทันสมัย สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงในการรักษาผู้ป่วยแล้ว
บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานด้านการแพทย์ยังช่วยให้ข้อมูลและช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านทางเครือข่ายได้อีกด้วย
8. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านอุตสาหกรรม
มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานของ เครื่องจักร การคำนวณวัตถุดิบ เวลาที่ใช้ในการผลิต
และผลผลิตที่ได้จากการผลิต มีคุณภาพและมาตรฐาน ที่แน่นอนตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
และยังช่วยให้มนุษย์ไม่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่ออันตราย อีกด้วย
9. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านธุรกิจ
จะเห็นได้ว่ามีการส่งเสริมบทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานด้านธุรกิจในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วยวางแผน
ด้านธุรกิจการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และช่วยนำเสนอสินค้าในรูปแบบของเว็บไซต์
ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
10. บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านธนาคาร
มีการใช้คอมพิวเตอร์ในกาจัดการด้านงานสำนักงานของธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลลูกค้า
ประมวลผล การฝากเงิน การถอนเงิน และอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งจำเป็นต้องมีการประมวลผลแบบทันที
เพื่อให้เกิดความถูกต้องและแม่นยำ
11.บทบาทคอมพิวเตอร์ในงานด้านสำนักงาน
เพื่อจัดทำเอกสารงานพิมพ์ งานนำเสนอข้อมูลการเก็บข้อมูล การคำนวณและการจัดการข้อมูลที่ใช้ช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหาร
ซึ่งช่วยให้การจัดการ งานต่าง ๆในสำนักงานมีคุณภาพประหยัดเวลาและประหยัดทรัพยากร
12. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานด้านความบันเทิงแบ่งได้
2 ประเภท ดังนี้
-เพลงและภาพยนตร์
ปัจจุบันผู้ใช้นิยมฟังเพลงและดูภาพยนตร์ผ่านทางคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสะดวกประหยัดภาพและเสียงมีคุณภาพเทียบเท่ากับสื่ออื่นๆ
มีการให้บริการดาวน์โหลดเพลงและตัวอย่างภาพยนตร์ จากระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถสร้างภาพยนตร์แอนิเมชัน
– เกมคอมพิวเตอร์
มีการติดตั้งเกมไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นคนเดียวและการเล่นผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือเกมออนไลน์ซึ่งกำลังเป็นที่แพร่หลายเนื่องจากสามารถเล่นพร้อมๆ
กันได้หลายคน
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
1. ด้านการศึกษา
– ช่วยนำเสนอข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ
– ช่วยรวบรวมข้อมูลต่าง
ๆ ไว้ในแหล่งข้อมูลเดียวกัน
– ช่วยให้ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
– ช่วยแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวความคิดของผู้เรียนและผู้อื่น
2. ด้านการสื่อสาร
– ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
– เป็นสื่อกลางในรับและส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
– ช่วยกระจายข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหนึ่งไปยังผู้ใช้ทุกคน
3. ด้านการบริหารประเทศ
– เป็นช่องทางการรับรู้ข้อมูลจากประชาชน
– เป็นช่องทางการนำเสนอข้อมูลไปสู่ประชาชน
– ส่งเสริมการแสดงออกซึ่งประชาธิปไตย
– เพิ่มทัศนคติที่เกี่ยวกับการบริหารประเทศด้านบวกให้แก่ประชาชน
4. ด้านสังคมศาสตร์
– ช่วยเก็บข้อมูลสถิติด้านสังคมศาสตร์
– ช่วยคำนวณแนวโน้มปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
– ช่วยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของกราฟแผนภูมิหรือภาพ
3 มิติ ทำให้สามารถ เปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
5. ด้านวิศวกรรม
– ช่วยออกแบบและคำนวณโครงสร้างบ้านและอาคาร
– สร้างโมเดลจำลองก่อนการสร้างโมเดลจริง
– ควบคุมการทำงานด้านก่อสร้างที่มีความละเอียดอ่อน
– ช่วยประมวลผลและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
6. ด้านวิทยาศาสตร์
– ช่วยเก็บและประมวลผลข้อมูลในงานวิจัยและการทดลองต่าง
ๆ
– เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้น
– ช่วยทำงานวิจัยหรืองานทดลองที่มีความละเอียดและมีขนาดที่เล็ก
ๆ ได้
– สร้างแบบจำลองงานทดลองเพื่อลดความผิดพลาดจากการทดลองกับของจริง
7. ด้านการแพทย์
– ลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและรักษาโรค
– เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ
– ช่วยลดเวลาในการักษาโรค
8. ด้านอุตสาหกรรม
– ช่วยควบคุมการผลิตชิ้นงานให้ได้ปริมาณและคุณภาพตามต้องการ
– ช่วยทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยหรืองานที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้
– ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
– ช่วยคำนวณปริมาณวัตถุดิบสินค้าและกำไร
9. ด้านธุรกิจ
– เป็นช่องทางในการนำเสนอสินค้า
– ช่วยตรวจสอบและสั่งซื้อสินค้าต่าง
ๆ
– ขยายโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ที่มีเงินทุนต่ำ
– ช่วยคำนวณตัวเลขทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
– เพิ่มความสะดวกในการซื้อและขายสินค้าจากทั่วโลก
10. ด้านธนาคาร
– ลดขั้นตอนในการดำเนินงาน
– ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการธนาคาร
ทำให้สามารถจัดการด้านการ เงินได้ทุกที่ตลอดเวลา
– ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ในส่วนกลาง
ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าได้ จากทุกธนาคาร
11. ด้านสำนักงาน
– ใช้สร้างงานนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ
– ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เอกสาร
– ช่วยเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร
12. ด้านความบันเทิง
– ช่วยให้เกิดความสนุกสนานและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
– เพิ่มทักษะการใช้คอมพิวเตอร์
– ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
– ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น